"อคติต่อวัย" หรือ "วยาคติ" (Ageism) คือการที่คนตัดสินหรือ
เลือกปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยอายุ จาก รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO)
พบว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มีการเพิ่มขึ้นของอคติระหว่างวัยที่สูงติดอันดับโลกเลยทีเดียว
ตลอดสองปีที่ผ่านมา ไซด์คิก (Sidekick) ซึ่งเป็นองค์กรที่เน้นการ
สื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม ได้ร่วมมือกับ สสส. เพื่อคิดค้น
นวัตกรรมที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย ส่งเสริมสุขภาพจิต และสร้าง
พื้นที่ให้คนต่างวัยได้มีส่วนร่วมกันมากขึ้นอย่างยั่งยืน
เราเริ่มจากการตามหา เหล่าชาว connectors หรือ
"นักเชื่อมสัมพันธ์" ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทุกวัยรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย เป็นมิตร และเปิดกว้าง คอยเป็นตัวกลางระหว่างวัยต่างๆ เราทำงานร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อดึงเอาบุคลิกและนิสัยของกลุ่มนี้มาสกัดเพื่อมาพัฒนานวัตกรรมให้คนต่างวัยเข้าใจกันมากขึ้น
เราพบว่า ชาว connectors มักจะมี 4 พฤติกรรมหลักคือ:
-
ชื่นชมในความพยายามของผู้อื่น — พวกเขามองเห็นคุณค่าของความพยายามและสนับสนุนความคิดในแต่ละก้าว ไม่ใช่ชื่นชมผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว
-
ตั้งใจฟังและเปิดพื้นที่ให้กับทุกความคิดเห็น — เปิดใจรับฟังทุกมุมมองอย่างเท่าเทียม
-
กล้าที่จะเล่าความผิดพลาด — เพื่อให้คนอื่นได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเขา
-
สร้างสรรค์พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น — คนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนได้อย่างเปิดใจโดยไม่ต้องกังวล
“ถ้าปรับตรงนี้อีกนิดจะเจ๋งมาก!
วันนี้นายทำได้ดีแล้วนะ ลุงเชื่อว่า
ทุกความพยายามมีคุณค่า!”
A: Appreciate
ทุกคนชอบปรึกษาลุงโอ๋ เพราะเขามองเห็นความพยายามของทุกคนได้ชัดเจน ลุงให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ และไม่ว่าผลจะออกมายังไง ลุงก็พร้อมจะชื่นชมและให้กำลังใจเสมอ ใครมีลุงโอ๋เป็นโค้ชก็มั่นใจได้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆ ด้วยพลังบวกตลอดทาง!
เราจึงได้นำพฤติกรรมต้นแบบทั้งหมดมาพัฒนาเป็นตัวละครการ์ตูน โดยเรียกพวกเขาว่าทีม Furry Monsters หรือ Monster น่ารัก
“ถ้ามีคนพูด ก็ต้องมีคนฟัง
ว่ามาเลย.. ฉันตั้งใจฟังเธออยู่นะ!”
L: Listen
พบกับพี่เย็น พี่ใหญ่ใจดีที่ชอบฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ เขาไม่รีบร้อนหรือตัดบทใคร เพราะใส่ใจความคิดของทุกคนเสมอ ความสามารถพิเศษของเขาคือการเก็บรายละเอียดที่ได้ยินและจดบันทึกไว้ เพื่อถามกลับและทำความเข้าใจให้ดีขึ้น บอกได้เลยว่ารางวัลนักใส่ใจฟังดีเด่นแห่งปีต้องเป็นของพี่เย็น!
ตั้งใจฟังทุกคน
“ยิ่งล้ม ยิ่งได้เรียนรู้!
ไม่มีใครเพอร์เฟคทุกเรื่องหรอก
ฉันก็เคยพลาดเหมือนกันนะ!”
M: Mistakes
ยายชบาเชื่อว่าความล้มเหลวคือโอกาสทองในการเรียนรู้ เธอส่งเสริมให้ทุกคนกล้าเผชิญความท้าทายและยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ยายชบาชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่ลังเลที่จะเล่าประสบการณ์เจ๋งๆ ของเธอเพื่อให้ทุกคนกล้าเปิดรับสิ่งใหม่!
“พวกเราอยากเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เธอนะ
เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เลย!
เราเชื่อว่าความคิดเห็นของทุกคนมีคุณค่า!”
O: Open
ป้าจุ๋งจิ๋งและพี่เบิ้ม คู่หูที่เก่งในการสร้างบรรยากาศสบายๆ ให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยและเป็นกันเอง ป้าจุ๋งจิ๋งสัมผัสอารมณ์ของคนรอบตัวได้ดี และคอยทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม ส่วนพี่เบิ้มก็จะคอยฟังเสียงที่เบาที่สุดและขยายให้ทุกคนได้ยิน ใครมีอะไรอยากแชร์ก็ไม่ต้องกลัว พี่เบิ้มพร้อมช่วยเสมอ!
เมื่อเราลงลึกไปในชีวิตของเหล่า connectors เราจะพบคำว่า “ประสบการณ์”
ที่สำคัญมาก โดยประสบการณ์ในวัยเด็กหรือวัยเรียนของพวกเขา มักจะมีผู้ใหญ่ที่
เปิดใจรับฟังอยู่เสมอ ประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้ช่วยสร้างทัศนคติและบุคลิกภาพของพวกเขา จนเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เปิดรับและอยากแบ่งปันความเปิดกว้างให้กับคนอื่น
แล้วผู้ใหญ่ใจดีเหล่านี้อยู่ที่ไหนกัน? ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ ก็เป็นผู้ใหญ่ที่เจอในกิจกรรมต่างๆ นอกห้องเรียน เช่น กีฬา งานอดิเรก หรือกิจกรรมดนตรี ที่เด็กและผู้ใหญ่ได้มาทำกิจกรรมร่วมกันผ่านความชอบและความสนใจแบบเท่าเทียมกัน เป็นต้น
เปิดโลกใหม่:
เมื่อเยาวชนพบกับผู้ใหญ่ที่แตกต่าง
จากงานวิจัยที่ไซด์คิกทำร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังพบอีกว่า จากกลุ่มทดลองทั่วประเทศ มีคนที่มีทัศนคติเปิดกว้างเรื่องวัยสูง คล้ายกับ "นักเชื่อมสัมพันธ์" อยู่ที่ประมาณ 20% เท่านั้น แม้เราอาจไม่สามารถสร้างคนระดับ "คอนเนคเตอร์" ขึ้นมาได้ แต่เราจะสามารถเพิ่มจำนวนเยาวชนที่เปิดกว้างต่อวัยมากขึ้นได้ไหม? เพื่อกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เปิดรับในวันข้างหน้า?
เราจะสามารถเชื่อมโยงพวกเขากับผู้ใหญ่ที่พวกเขาไม่ค่อยได้เจอ เพื่อเปลี่ยนมุมมองของพวกเขาได้หรือเปล่า?
เรานำข้อมูลนี้มาสร้างกิจกรรมที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของเยาวชนเกี่ยวกับผู้ใหญ่และตัวเอง โดยเลือกเยาวชนที่ไม่ได้มีโอกาสมากนักในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และไม่เคยเจอผู้ใหญ่ที่หลากหลายมาทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ต้นแบบที่เปิดกว้าง ผ่านกิจกรรมที่พวกเขาชอบ เช่น การถ่ายภาพเล่าเรื่อง !
ผู้ใหญ่ทุกคน ตั้งแต่วิทยากร ทีมพี่เลี้ยง ไปจนถึงช่างภาพและทีม admin จะได้รับการฝึกอบรมอย่างจริงจังก่อนเริ่มโครงการ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม 4 พฤติกรรมต้นแบบ A.L.M.O
เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเยาวชน จากที่เคยกลัวที่จะเข้าหาผู้ใหญ่หรือแสดงความคิดเห็น ตอนจบโครงการ พวกเขากลับเต็มไปด้วยไอเดียและความพร้อมที่จะมีส่วนร่วม และบอกเราว่าผู้ใหญ่ที่เจอนั้นแตกต่างจากที่คุ้นเคย ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนเหมือนกันอีกต่อไป!
ตลอดสองเดือนของกิจกรรม...
การประเมินผลการเปลี่ยนแปลงโดยทีมวิจัยจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า การเข้าร่วมกิจกรรมส่งผลดีต่อพฤติกรรมนักศึกษาใน 3 ด้าน คือ
-
กล้าพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ใหญ่
-
การเปิดใจมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่
-
ความอยากเรียนรู้จากผู้ใหญ่
ในขณะที่นักศึกษาที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่มีคะแนนคงที่หรือลดลง
“ ปกติการทำงานมักแบ่งตามลำดับชั้น เจ้านาย-ลูกน้อง หรืออาวุโสกว่า
น้อยมากที่จะทำงานร่วมกันแบบชวนกันคิด ทำ นำเสนอ และช่วยกันแก้ไขถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ค่ะ ”
" ชอบที่ได้เดินออกไปถ่ายรูปและนำเสนอ เพราะมันช่วยให้ผ่อนคลาย ยืดหยุ่น และกระตุ้นจินตนาการ
โดยไม่ถูกบังคับว่าต้องถ่ายที่ไหน สุดท้ายก็มาร่วมเสนอในกลุ่ม
ซึ่งชอบรูปแบบการทำงานแบบนี้ค่ะ "
“ รู้สึกว่าทีมงานสร้างบรรยากาศเป็นกันเองและสนับสนุนให้กล้าแสดงความคิดเห็น กิจกรรมนี้ทำให้เราได้คิดและลงมือทำจริง ซึ่งช่วยให้เราใช้ความคิดมากกว่ากิจกรรมอื่นๆ ที่เคยเข้าร่วมค่ะ ”
“ รู้สึกว่านี่เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น เพราะพี่เลี้ยงย้ำว่าไม่มีผิดหรือถูก ทำให้เรากล้าพูดและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัด ”
“ ทำให้กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เพราะทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดอย่างจริงใจ ทุกคนเสนอความคิดของตัวเอง และนำมาปรับให้ทุกคนโอเคร่วมกัน ”
“ รู้สึกว่าพี่ๆ เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ใส่ใจอารมณ์และทัศนคติ ทำให้เริ่มรู้สึกอยากมาร่วมกิจกรรมบ่อยๆ เพราะทำแล้ว
มีความสุขชอบที่พี่ๆ ให้คำแนะนำ ช่วยจุดประกายความคิดให้ทำงานได้เต็มที่ครับ ”
“ พี่ๆ ทุกคนเข้าหาได้ง่าย เมื่อน้องๆ มีปัญหาก็สามารถเข้าหาได้ เพราะพี่ๆ มีออร่าความสบายใจ เราถามอะไรก็ได้และพร้อมที่จะให้คำตอบ รู้สึกว่าทุกคนมีความเฟรนด์ลี่มากค่ะ ”
“ การเป็นเด็กกิจกรรมทำให้หนู
เป็นเดอะแบกบ่อยครั้ง แต่ในครั้งนี้ได้ฝึกเปิดโอกาสให้คนอื่นร่วมงาน ทำให้เข้าใจว่าการทำงานเป็นทีมทำให้เสร็จไวและสนุกขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เจอผู้ใหญ่ที่มีทัศนคติเชิงบวก เปลี่ยนมุมมอง
ต่อความเป็นผู้ใหญ่ให้ดีขึ้นค่ะ ”
“ การปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้อง เป็นกันเอง สามารถปรึกษากันได้ในเรื่องที่เราไม่เข้าใจ อยากจะนำตรงนี้ไปใช้ต่อในกิจกรรมถัดๆ ไป คนในกลุ่มจะได้เป็นกันเอง ไม่เกร็งและอึดอัดในการทำกิจกรรมร่วมกัน ”
“ ได้เห็นการเป็นแบบอย่างที่ดี เรื่องการยอมรับความผิดพลาดของพี่ๆ ที่ยอมไปขอโทษน้องๆ ”
“ พี่เลี้ยงกระตุ้นให้น้องๆ แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วม ส่วนพิธีกรเชียร์น้องๆ ยิ้ม ชวนคุยตลอด บรรยากาศทำให้เกิดแรงใจเขาเหมือนเป็นเพื่อนที่สบายใจในการคุยด้วยค่ะ ”
“การใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น การทิ้งหรือแยกขยะ การใช้คำพูดที่ควรใช้
การเลี่ยงคำพูดท็อกซิก (toxic) ใส่กัน การวางตัวกับคนส่วนร่วม และผู้ใหญ่ที่ทำงานร่วมกัน ”
“ พี่บางคนอาจจะเปลี่ยนสายงานมาก่อน หรือใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ทำงานที่ต้องการ ทำให้หนูคิดได้ว่าถ้าเราเรียนหรือทำงานแล้วรู้สึกว่าไม่โอเค ไม่ชอบ เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องฝืนทน หรือกลัวเสียดายเวลา เห็นพี่ๆ ไม่มีความเครียดมีแต่รอยยิ้ม พอเห็นพวกพี่มีความสุข ก็ทำให้น้องๆ มีความสุขตาม “
“ การพูดคุยเป็นกันเอง รู้จักให้เกียรติกัน และรับฟัง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้การทำงานราบรื่นและเข้าใจความคิดกันและกันแม้อายุจะต่างกัน ”
หลังจากโครงการจบไปประมาณ 4-5 เดือน
เราได้ไปติดตามชีวิตของพวกเขาต่อ พบว่าประสบการณ์
จากกิจกรรมยังคงส่งผลต่อชีวิตพวกเขาอยู่
" พวกเขาบอกเราว่าตอนนี้เขาเลือกที่จะฟังมากขึ้น
แทนที่จะปะทะความคิดเห็นไม่เหมารวมทุกคน
และพยายามทำความเข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละคนมากขึ้น "